จะกล่าวไปแล้วเรื่องราวที่เราต่างอยากเลือก มาเพื่อนำเสนอให้กับทุกท่านได้ทราบกัน เพื่อเป็นการให้ความเคารพแก่เด็กสายเลือด แมนยู ท่านนี้นั่นก็คือเรื่องราวของความทรงจำอันไม่น่าลืมเลือนที่แสนจะโดดเด่นของเขาที่เคยทำเพื่อมอบให้แก่ ปีศาจแดง 

ในตลอดเวลาที่เขาได้สวมเสื้อ แมนฯ ยูไนเต็ด ว่าจะมีโมเม้นไหนที่น่าจดจำกันบ้างสำหรับเจ้าของ เจ้าของคำกล่าวว่า “บีนส์ บีนส์ บีนส์” มาดูกันว่าจะมีเรื่องราวไหนที่เคยเกิดขึ้นแล้วไม่น่าลืมเลือนกันบ้าง มาลองไล่เรียงดูกันเลยครับ 

– แมตซ์ครั้งแรก กับทีมชุดใหญ่ 

เจสซี ลินการ์ด คนนี้ได้เข้ามาร่วมสู่กองกำลัง ผีแดง ตั้งแต่เขามีอายุ 9 ขวบเพียงเท่านั้นเอง เขาเองก็ได้ใช้เวลาในการอยู่ฝึกกับทีมเยาวชนของ แมนยู และติดตามเรียนรู้สกิลต่าง ๆ ของเรื่องฟุตบอล เพื่อรอเวลาที่ตัวเองจะพร้อมในการเข้าสู่การเป็นทีมใหญ่ของ ผีแดง กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ เจสซี ลินการ์ด ก็ได้ถูกเลือกปล่อยสู่การยืมตัวจากหลาย ๆ ทีม
ไม่ว่าจะเป็น แพะ ดาร์บี้ เคาน์ตี้, นกนางนวล ไบร์ทตัน, ลูกโลก เบอร์มิงแฮม ซิตี้ และ จิ้งจอกสยาม เลสเตอร์ ซิตี้

ต่อมาก็เข้าซีซั่น 2013 – 14 เขาก็ได้ถูกเลือกให้เข้าสู่การเป็นทีมชุดใหญ่ ได้มีชื่ออยู่ในทีมเป็นครั้งแรกเมื่อ ม.ค. 2014 ในเกมลีกใหญ่ของอังกฤษที่กองทัพ แมนยู ได้เปิดบ้านและยัดเยียดความพ่ายให้กับ หงส์ขาว สวอนซี ซิตี 2 – 0 และผู้ที่มอบโอกาสนั้นให้กับ ลินการ์ด ก็คือกุนซือ ทัพขุนค้อน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด อย่าง เดวิด มอยส์ ในตอนนี้

ถึงแม้ว่าในแมตซ์นั้นเขาอาจไม่ได้ร่วมลงไปโลดแล่นในสนาม แต่การนั่งอยู่บนเก้าอี้เพื่อเป็นตัวสำรอง ในวันที่มีแต่เหล่านักเตะระดับสูงอยู่อย่าง วิลฟรีด ซาฮา, ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ และ ไรอัน กิ๊กส์ นั่นก็ถือว่าเป็นฤกษ์ดีในการก้าวขึ้นสู่การได้รับบรรยากาสของทีมใหญ่

และแล้ว วันที่เขารอคอย ก็ได้มาถึง ในวันที่ 16 ส.ค. 2014 ลินการ์ด ได้ลงเล่นในเกมส์เปิดหัวของ ศึกใหญ่อังกฤษ พรีเมียร์ลีก ซีซั่น 2014 – 15 ปีศาจแดง ที่มีผู้จัดการทีมคนใหม่อย่าง หลุยส์ ฟาน กัล ก็ได้เลือกชื่อ เจสซี ลินการ์ด สู่การนั่งขอบสนาบที่เก้าอี้สำรอง 

และได้เลือกให้ลงไปโลดแล่นในสนามช่วงนาทีที่ 24 แทนผู้ได้รับอาการบาดเจ็บ อัดนาน ยานาไซต์ และนั่นก็เป็น นาทีแรกของเขาที่ได้ลงไปผาดโผนในสนาม ด้วยฐานะการเป็นทีมชุดใหญ่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด 

ทว่าในคืนวันนั้นมันกลายเป็นคืนที่ไม่น่าจะเลือกมาจำนัก เพราะการแข่งในแมตซ์นั้น ปีศาจแดง แพ้คาบ้านให้กับ หงส์ขาว 1 – 2 และในตอนจบเกม ลินการ์ดก็บาดเจ็บ พักรักษาตัวนานถึง 5 เดือน และเมื่อหายดีจากการรักษาก็ได้ไปสู่ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ด้วยการยืมตัวอีกเช่นเคย 

– ประตูสู่ชัย ในรอบชิงชนะของ FA cup

เจสซี ลินการ์ด ได้เข้าสู่การเป็นทีมชุดใหญ่ และได้โอกาสในการลงแบบเต็มซีซั่น กับการเป็นตัวหลักของกองทัพทีม แมนยู นั่นทำให้เห็นได้เลยว่า หลุยส์ ฟาน กัล มั่นใจในตัวของเขาคนนี้ว่าจะเป็นคนที่นำทัพได้ดีมากแค่ไหน

 และในซีซั่น 2015 – 16 เจสซี ลินการ์ด ได้พาทีมบุกตะลุยเข้าถึงรอบชิงแชมป์ ในศึกบอลถ้วย FA cup ได้ลุล่วงโดยศึกนั้นเขาได้พบกับ ปราสาทเรือนแก้ว คริสตัล พาเลซ 

และในแมตซ์นั้น ปราสาทเรือนแก้ว ได้นำไปก่อนที่ 1 – 0 ในเวลานาทีที่ 78 จาก เจสัน พันเชียน พร้อมกับรูปภาพสุดแสนจะคลาสสิกที่ แอลัน พาร์ดิว ได้แสดงสกิลเทพกับสกอร์นำไปก่อนในช่วงเกือบจบเกมส์ของเหล่านักเตะในทีมเขา 

แต่ ปีศาจแดง ก็ไม่ได้ตายง่ายอย่างที่เคยได้จัดการกับสกอร์นั้น และไล่ตีเสมอในนาทีที่ 81 ที่ ฆวน มาตา จบสกอร์ไปในนาทีที่ 90 และตีเสมอ 1 – 1 ไป

ซึ่งต่อมาในช่วงที่ได้ต่อเวลาพิเศษก็ได้เป็นเวลาที่ เจสซี ลินการ์ด คนนี้ได้แสดงถึงพลังในตัวของเขาที่ได้ลงมาโลดแล่นอยู่ในสนาม และแน่นอนว่าเขาได้ปล่อยทีเด็ดเพื่อเป็นการตอบแทนให้กับ ลูวี ฟัน คาล โดยการตะบันประตูทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สามารถคว้าแชมป์ เป็นครั้งที่ 12 มาครองได้สำเร็จ 

– ซีซั่น ที่ผลงานของเขาน่าจดจำ

ในช่วงตลอด 6 ปีที่เขาได้อยู่กับทีมชุดใหญ่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หากจะถามว่าในช่วงเวลาปีใด ที่เขาสร้างชื่อเสียง และได้โชว์ผลงานได้เป็นอย่างดีมากที่สุด นั่นก็คงเป็น ซีซั่น 2017 – 18 ที่อยู่ในการควบคุม 

และดูแลของ โชเซ่ มูรินโญ่ มันก็จริงอยู่ที่หากจะย้อนไปซีซั่นที่ผ่านมาก่อนหน้านั้นสโมสรได้มาทั้งถ้วย ลีก คัพ และ ยูโรปา ลีก ด้วยการที่มีเขาคนที่เป็นขุมพลังตัวหลัก แต่หากจะถามถึงผลงานของเขาแบบส่วนตัวโดยไม่มีอย่างอื่นมาเกี่ยวข้องเลย ก็คงต้องยกให้ซีซั่น 2017 – 18 นั่นเองครับ 

ในฤดูกาลดังที่เราได้กล่าวไปนั้น เจสซี ลินการ์ด ได้มีโอกาสในการลงไปโลดแล่นในสนามนับรวมทั้งหมดแล้วได้ 48 แมตซ์ด้วยกัน และในทั้งหมดทุกแมตซ์นั้นเขาคนนี้ได้ลงไปเป็นตัวจริงในสนามมากถึง 30 แมตซ์เลยทีเดียว 

สกอร์ในการทำประตูก็ทำได้ถึง 13 ประตู กับอีก 7 คิลเลอร์พาส ซีซั่นนั้นเค้าทำได้ดีมากกว่าทุก ๆ ซีซั่นที่เคยได้ลงสนามเป็นตัวจริงด้วยการสวมเสื้อสีแดงที่มีตราของ แมนยู ถึงแม้ว่าในซีซั่นนั้นอาจไม่ได้สำเร็จในการคว้าถ้วยมาครอง แต่นั้นก็เป็นผลงานของเขาที่น่าจดจำและเป็นสิ่งที่พีคมากในชีวิตของเขาคนนี้มาจนถึงตอนนี้ 

ติดตามข่าวกีฬาได้ที่ Ufa285s เว็บ แทงบอล อันดับ1 ของไทย