การจัดระบบของทั้ง 2 ทีม

• ฝั่งของโซลชาร์ มาพร้อมกับผู้เล่นตัวหลัก ในทุกตำแหน่ง โดยไม่มีการพักตัวผู้เล่นใด ๆ ทั้งสิ้น โดยใช้เป็นคู่แดนกลางอย่าง ปอล ป็อกบา ที่กลับมาเป็นตัวจริงได้ แทนที่ของ เฟร็ด คู่กับ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ โดยใช้งานสามประสานหลักอย่าง แรซฟอร์ด , บรูโน่ และ กรีนวูด ซึ่งวางทางด้านของ คาวานี่เป็นหน้าเป้าตัวหลัก 
• ฝั่งของคาร์โล ที่มากับแผนเก่ง แต่ขาดตัวหลักแค่คนเดียวเท่านั้น คือ จอร์แดน พิกฟอร์ด ที่บาดเจ็บจากการเกมก่อน โดยจะเปลี่ยนใช้มือ 2 อย่าง โรบิน โอเซ่น ส่วนแผงกองกลาง ก็อยู่กันครบทั้ง ดูกูเร่ , ทอม เดวีส์ และ อังเดร โกเมส ส่วนแผงเกมบุก ก็จะมีทางด้านของ ฮาเมส โรดริเกซ เป็นตัวปั้นเกม และมี โดมินิค คัลเวิร์ต-เลวิน และ ริชาร์ลิซอน เป็นหน้าเป้าคู่

จุดเปลี่ยนเกมของแมนยู

     จริง ๆ แล้วในเกมนี้ มีจุดเปลี่ยนเยอะมาก ๆ ตั้งที่เป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ รวมไปถึงการตัดสินใจ ในหลาย ๆ อย่างของโค้ชทั้ง 2 ทีม 

• การบาดเจ็บของ ปอล ป็อกบา อาจจะไม่ได้ส่งผลอะไรที่เยอะมาก แต่สำหรับการทำเกมบุก หรือสร้างสรรค์เกมนั้น จะดูน้อยลงไปมาก เพราะเปลี่ยนทางด้านของเฟร็ด ที่น่านอนว่าฟอร์มดีไม่ต่างกัน แต่การขึ้นเกมยังไม่สามารถ อ่านเกมในการขึ้นบอลได้ขาดเท่ากับ ป็อกบาแน่นอน จึงทำให้ดูว่าครึ่งหลัง กลายเป็นเล่นบอลช้า ๆ ไปซักดื้อ ๆ นั่นเอง
• การได้ประตูที่ 2 ก่อนหมดครึ่งแรก ด้วยลูกยิงอันสุดสวยของ บรูโน่ ทำให้ผู้เล่นหลาย ๆ ประมาณในการเล่นครึ่งหลัง แต่ทางกลับกัน ทางด้านของ คาร์โล ก็จะต้องแก้เกมให้ได้ในครึ่งหลัง และสามารถทำออกมาได้ดีซะด้วย 
• การโดนตีไข่แตก และโดนตีเสมอ ภายใน 8 นาที จากการเริ่มครึ่งหลัง ต้องบอกว่าการแก้แผนของ คาร์โลถือว่าเวิร์กสุด ๆ จากที่รูปเกมในครึ่งแรก เป็นรองอยู่พอสมควร แต่เริ่มครึ่งมาได้เพียงวไม่กี่นาที ก็สามารถตีเสมอได้ทันควัน 
• โดนแก้เกมจนไม่สามารถตั้งเกมได้ ตั้งแต่ที่โดนตีไข่แตก ทำให้นักเตะหลาย ๆ คนเสียสมาธิ แต่ก็ยังไม่เท่ากันได้ตีเสมอ กว่าที่จะสามารถกลับมาตั้งเกมได้นั้น ต้องใช้เวลากับ ๆ ช่วง 30 นาที กว่าจะได้ประขึ้นนำอีกครั้ง จริง ๆ อาจจะดูเหมือนจะจบลงโดยสกอร์นี้แล้ว 
• การมีโอกาสทิ้งห่าง แต่ส่งบอลไม่เข้าเป้ากันเอง แต่ส่วนหนึ่งก็ต้องชมเกมรับของ เอฟเวอร์ตัน ที่ทำหน้าทีได้ดี เพราะมีหลาย ๆ จังหวะที่พลาดกันไปเอง รวมถึงการปิดสกอร์ไม่ลง ทั้งที่จริง ๆ แล้วมีโอกาสในจบหลายต่อหลายรอบมาก ๆ 
• การเลือกเปลี่นตัว เพื่อจะเสริมแผงรับ และถ่วงเวลา เป็นผลเสียอย่างมาก เพราะโซลชาได้เปลี่ยนทางด้านของ ทวนเซเบ ลงมาแทนกรีนวูด เพื่อให้สามารถเติมเกมรับ ให้แน่นขึ้น แต่กลับเป็นทวนเซเบเอง ที่ทำพลาดโดนใบเหลือง และเสียเป็นลูกตั้งเตะในช่วงทดเจ็บ นาทีสุดท้าย 
• ไม่สามารถป้องกันลูกเซ็ตพีซได้ อันนี้เป็นจุดอ่อนของ แมนยูมานานมาก ๆ เพราะเป็นทีมที่มักจะเสียประตู จากจังหวะเซ็ตพีซบ่อยมาก ๆ โดยเแพาะการสกัดบอลไม่พ้นของกรอบ หรือการขึ้นโหม่งแล้วไม่เจอบอล ซึ่งถ้าจะหวังให้แมคไกวร์ขึ้นอยู่คนเดียวก็ไม่ไหว 

     สุดท้ายแบ่งแต้มกันไป ฝั่งละแต้ม ต้องบอกว่า ผีแดง เกมนี้ทำพลาดไปเยอะพอสมควร รวมถึงการตัดสิใจของ โซลชา ที่เลือกเปลี่ยนตัวอีกด้วย จากที่ผลการแข่งทุกอย่าง เป็นใจให้หมดแล้ว อย่างไรก็ตามยังต้องลุ้นให้ แมนซิตี้สะดุดบ้าง ห่างต้องการที่จะลุ้นแชมป์แบบเต็มตัวอีกครั้ง เพราะในเมื่อมีโอกาสแล้ว แต่กลับไม่ได้สามารถทำได้เอง ยิ่งทำให้คู่แข่งร่วมเมือง มีโอกาสที่จะทิ้งห่างได้มากขึ้นไปอีก โดยตอนนี้แมนยูมีอยู่ 45 แต้ม

โดยตามหลังจ่าฝูงอย่าง แมนซิตี้ อยู่ 5 แต้ม แต่แข่งมากกว่าอยู่ 1 เกม ห่างฝั่งของแมนซิตี้ สะดุดแพ้ให้สักเกม ยังมีลุ้นสำหรับการคว้าแชมป์ที่มากกว่า แต่คงเป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ เพราะกับเกมล่าสุดที่ แมนซิตี้บุกยำหงส์แดง เละคาบ้าน เป็นตัวบ่งบอกที่ชัดเจนมาก ๆ ว่าปีนี้เป็นปีของพวกเขา ดังนั้นหลังจากนี้ แมนยูจะไม่สามารถพลาดได้อีกแล้ว นั่นเอง 

ติดตามข่าวกีฬาได้ที่ Ufa285s เว็บ แทงบอล อันดับ1 ของไทย