11 มาตรการ รับมือโควิด -19 ของ พรีเมียร์ลีก

การแข่งขันฟุตบอล ในระดับลีกที่สูงที่สุด ของประเทศอังกฤษ ในตอนนี้ กำลังได้รับแรงกระทบจาก การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า เป็นอย่างมาก นั่นทำให้โปรแกรมการแข่ง เกิดเรื่องที่เรียกว่า ความไม่แน่นอนขึ้น จึงทำให้มี 11 มาตรการ เกิดขึ้นเพราะว่ามีบางคู่ บางแมตซ์ ถูกเลื่อนให้ยืดเยื้อออกไป

มีบางเคสที่น่าสนใจ ให้ได้รู้สึกเห็นใจกัน อย่างเช่น สิงห์ผยอง ที่ทั้ง สตาฟฟ์โค้ช และทีมชุดใหญ่ ได้ถูกตรวจพบว่ามากถึง 14 คน ที่มีเชื้อ โควิด – 19 ในส่วนของคนอื่นที่ไม่ได้ติดเชื้อ ก็ต้องเข้ารับการกักตัวเช่นกัน เมื่อลีกไม่เลื่อน นั่นก็ทำให้ทีมจำเป็นต้องส่งตัว ชุดเด็ก ไปลงสนาม
และแน่นอนว่า ผลที่ออกมาก็คือ สิงห์ผยอง แพ้ หงส์แดง ไปที่ 1 – 4 ส่งผลให้เขาตกรอบ FA Cup ที่เป็นการแข่งแบบน็อกเอาต์ไป

11 มาตรการ รับมือโควิด

ถึงแม้ว่าแมตซ์นั้น เป็นเพียงแค่แมตซ์ ๆ นึง แต่แมตซ์นั้นก็ส่งผลเป็นแบบระยะยาว ซึ่งมีการรายงานออกมาว่า พรีเมียร์ลีก นั่นอาจต้องมีการเลื่อนการแข่งออกไป แต่การเลื่อนนั้นเป็นเรื่องที่พวกเขา คิดเอาไว้ว่าจะทำเป็นทางเลือกสุดท้าย และในตอนนี้ การแข่งขันฟุตบอล ในระดับลีกที่สูงที่สุด ของประเทศอังกฤษ ได้มีการจัด มาตรการ11 ข้อ ขึ้นมาเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID – 19 แล้ว มาตรการ11 ข้อนี้ จะมีอะไรบ้าง มาติดตามดูกันเลย 

1 ลงโทษผู้ที่ละเลย มาตรการ การควบคุม COVID – 19

มีคำบัญญัติออกมา ในศัพท์ชาวตะวันตก ว่า ” Covidiot ” คำนี้มีไว้เพื่อการติเตียน ประณาม กลุ่มคนที่ทำตัวแบบไม่สนใจผู้ร่วมโลก หรือ กลุ่มคนที่ทำตัวแบบ เห็นแก่ตัว เกินกว่าที่จะให้อภัย ยกตัวอย่างเช่น กลุ่มคนที่ออกไปหาใช้ชีวิตแบบปกติ ทั้ง ๆ ที่จำเป็นต้องกักตัว เพื่อป้องกันการติดเชื้อ หรือ กลุ่มคนที่ ซื้อสินค้าต่าง ๆ มากักตุนมากกว่าที่ควรจะเป็น คนเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นกลุ่มคนที่ ” ไม่สนโลก ” ไม่แคร์ใครเลยแม้กระทั่งตัวเอง

2 ห้ามกอดกันโดยเด็ดขาด เมื่อได้สกอร์

มีใครที่ยังจำช่วงที่ COVID – 19 แพร่ระบาดหนัก ๆ ในรอบแรก กันได้บ้างไหม ในแมตซ์ที่ได้ปรับเปลี่ยนกฏ ข้อบังคับต่าง ๆ ขึ้นใหม่เป็นแมตซ์แรก ก็คือ บุนเดิสลีกา ในลีกนั้นเป็นลีกที่ถูกจับตามอง จากทั่วทั้งโลกเป็นอย่างมาก และต่อมาทุก ๆ อย่างก็ได้เงียบ ๆ อยู่นานหลายเดือน และก็เป็นนักบอลชาวนอร์เวย์  อาลิง เบราต์ โฮลัน ที่ได้คิดค้นท่าทางแสดงอาการดีใจในยุคแห่งเชื้อร้าย และนั่นก็เป็นสิ่งที่ แฟนคลับต่างอยากได้เห็นกัน

3 ห้ามจับมือกัน โดยเด็ดขาด 

เมื่อเห็นหัวข้อนี้แล้ว ก็คงอดนึกถึง แฟนคลับ bnk48 ที่เรียกตัวเองว่า โอตะ  กลุ่มคนเหล่านี้ต่างชอบความน่ารักของ ศิลปินไอดอลสาว ไม่ได้เลยจริง ๆ เพราะสิ่งที่เขาชอบทำกันนั่นก็คือการ กอด หรือ จับมือ กับชาวโอตะ คนที่คอยสนับสนุน แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นแล้ว ในยุคนี้ก็ทำแบบนั้น ไม่ได้อีกต่อไปแล้วนะ 

4 ห้ามแลกเสื้อกัน ในเวลาที่เกมส์จบลง

การทำเช่นนี้ จะเรียกว่า เหมือนเป็นประหนึ่ง ธรรมเนียมไปแล้วก็ได้ เมื่อเวลาจบเกมส์หรือครบ 90 นาทีแล้ว มักมีการแลกเสื้อกัน เพื่อให้อีกฝ่ายเก็บไว้เป็นที่ระลึก แต่แล้วยุคที่ต้องเลิกทำแบบนี้ก็มาถึง เชื้อร้ายนี้มันแพร่ได้หลายช่องทางมาก ๆ เสื้อที่เต็มไปด้วยเหงื่อ จึงไม่ควรที่จะเป็นของที่ระลึกแก่กันอีกต่อไปแล้ว ถึงจะมีกฏขึ้นมา แต่ก็ยังมีนักเตะหลายท่าน ก็แอบ ๆ มอบให้กันเหมือนเดิม 

5 มีการตั้งจุดตรวจวัดอุณหภูมิ ที่สนามซ้อมและแข่ง อย่างชัดเจน

ถึงแม้ว่าเราเองจะรู้ตัวดีว่า เราไม่ได้ไปไหน ไม่ได้ติดเชื้ออะไรอยู่กับเราแน่นอน แต่ทว่า เราจะรู้ได้ยังไง ว่าคนอื่น ๆ หรือเพื่อน ๆ ในทีมของเรานั้น เขาได้ไปไหนกันมาบ้างหรือไม่ ? เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ก่อนที่เราต้องได้เจอกับผู้อื่น ก็ต้องมีการตรวจวัดไข้แบบชัดเจน เพื่อที่จะได้สบายใจซึ่งกันและกัน เหมือนกับการที่เรา ต้องเข้าร้านค้าต่าง ๆ แล้วมีการวัดอุณหภูมิของร่างกายนั่นเอง

6 หน้ากากอนามัย คือสิ่งที่ต้องใส่ตลอดเวลา 

หน้ากากอนามัย หรือ แมสก์ เปรียบได้ดั่งอาวุธที่ทุกคนต้องมี เพื่อใช้ในการต่อสู้ และป้องกัน กับสงครามแห่งเชื้อโรค เพราะสิ่งนี้สามารถเป็นป้อมปราการในการป้องกัน เราจากสารคัดหลั่งต่าง ๆ ทั้งไม่ให้ไปแพร่สู่ผู้อื่น และไม่ให้ผู้อื่น มาแพร่สู่เรา นี่จึงเป็นกำแพงสำคัญ ที่จะทำให้เราโพรเทคตัวเองได้ดี เช่นนั้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามแต่ ที่อยู่ในพื้นที่ของสนาม ต่างก็ต้องสวมใส่หน้ากากกันทุกเวลา ยกเว้นนักเตะผู้ที่กำลังลงสนามเท่านั้น 

7 รถบัสของทีม ให้ใช้ 3 คัน และแบ่งจำนวนคนเท่า ๆ กัน 

เวลาเดินทางรถคันนึง จะจุผู้โดยสารได้เกือบพอดีทั้งทีม ที่รวมทุกคนแล้ว แต่เมื่อมีโรคร้ายชนิดนี้ขึ้นมา การจำกัดจำนวนคน ก็กลายเป็นเรื่องสำคัญ เพราะหากแพร่ระบาดแล้ว มันจะแย่แค่ไหนหลายท่านคงทราบดี นี่จึงเป็นที่มา สำหรับการกำหนดจำนวนคนต่อรถ 1 คัน และให้ใช้ รถ 3 คัน ใน 1 ทีม 

8 ประเมินความเสี่ยงอยู่เสมอ เมื่อเดินทาง

การแข่งขันเป็นเรื่องสำคัญ แต่แน่นอนว่า การติดเชื้อก็สำคัญไม่แพ้กัน เช่นนั้นแล้วไม่ว่าจะเดินทางไปยังที่ไหน ก็ต้องดูเรื่องของความเสี่ยง ว่าพื้นที่นั้นมีการระบาดหรือไม่อย่างไร การประเมินสถานการณ์ให้ดี จึงเป็นเรื่องจำเป็น และจำเป็นต้องรายงานส่งเรื่องไปยัง ลีกกีฬา ( พรีเมียร์ลีก ) ว่าสามารถเดินทางไปทัน ได้ตามโปรแกรมที่วางไว้หรือไม่ ? 

9 พนักงานฝ่ายต่าง ๆ ต้องไม่มีเชื้อโควิด – 19

ทุกคนที่ได้รับอนุญาต ให้เข้าในสนาม ต้องมีผลตรวจโควิดชัดเจน ว่าเป็นลบ ไม่ว่าจะเป็น นักข่าว กรรมการ ผู้บริหาร สตาฟโค้ช ตัวนักเตะเอง และ รวมไปถึง พนักงานต่าง ๆ และเจ้าหน้าที่ทุกส่วนด้วยเช่นกัน 

10 โซนผู้บริหาร ต้องมีการจัดที่นั่ง ไม่เกิน 10 คน

ช่วงที่ต้องลงเล่นกันแบบเปิดสนาม ก็มีมาตรการในการ กำหนดผู้เข้าสู่สนาม โดยผู้เข้าชม ต้องมีห้ามเกิน 500 ท่าน เมื่อ ดูจำนวนแล้ว มันเหมือนจะเยอะ แต่ไม่เลย ลองมาคิดดูว่า ผู้เล่น 2 ทีม 40 ท่าน หน่วยงานทางการแพทย์และสตาฟต่าง ๆ 32 ท่าน เจ้าหน้าที่ในการแข่ง 12 ท่าน บุคลากรทางการแพทย์ 6-8 ท่าน เหล่านักข่าวสื่อต่าง ๆ อีก 130 ท่าน มันจึงสมเหตุสมผลแล้วใช่ไหมล่ะ ? 

11 มีข้อจำกัด ในเวลาที่ฝึกซ้อม 

การซ้อมต่าง ๆ ของทุกทีม คงต้องลดเรื่องความเข้มข้นลงมาหน่อย เพราะมีเรื่องสำคัญอย่าง ห้ามเข้าปะทะ และ ห้ามโดนตัว กันในการซ้อมอย่างเด็ดขาด และเมื่อแยกย้ายกันแล้ว ก็ไม่จับกลุ่มพูดคุนกัน นี่ก็เป็นการจัดข้อกำหนด เพื่อลดเลี่ยงการสัมผัสที่อาจนำไปสู่การแพร่เชื้อได้ 

ติดตามข่าวกีฬาได้ที่ Ufa285s เว็บ แทงบอล อันดับ1 ของไทย